วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552

ขัณฑสกร พ้นผิด

หลังจากเป็นจำเลยสังคมมาหลายสิบปี ขัณฑสกรหรือ saccharin สารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลชนิดแรกๆ ก็ได้พ้นจากข้อกล่าวหาว่าเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์เสียที

เรี่องวุ่นๆที่ทำให้หวานใจของเราตกเป็นจำเลยมันเริ่มขิ้นตั้งแต่ปีคศ 1977 โน่น หลังจากการที่มีการศึกษาพบว่าขัณฑสกรทำให้อัตราการเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะในหนูทดลองเพิ่มขิ้น ถึงแม้การศีกษานั้นยังไม่มีบทสรุปชัดเจนกับผลต่อมนุษย์แต่แคนาดาก็ได้แบนขัณฑสกรภายในปีนั้นเลย ส่วนสหรัฐนั้นก็มีการเสนอให้แบนยังไม่แบนเพราะโดนประท้วงเนื่องจากในเวลานั้นยังไม่มีสารให้ความหวานแทนน้ำตาลประเภทอื่น แต่ให้เขียนคำเตือนบนฉลากว่าขัณฑสกรอาจเป็นสารก่อมะเร็งแทน

และก็เหมือนการศึกษาที่เกี่ยวกับสุขภาพคนทั้งหลาย การศึกษาเพิ่มเติมจากแหล่งอื่นก็มีผลสรุปแตกต่างกันไป บ้างก็สนับสนุนบ้างก็ขัดแย้ง อย่างไรก็ตามจำเลยของเราก็มีภาพพจน์เป็นผู้ร้ายไปโดยปริยาย

หลังจากนั้น 14 ปี อาหารและยาของสหรัฐก็ได้เลิกล้มข้อเสนอที่จะแบนขัณฑสกรหลังจากพบว่ามูลเหตุไม่เพียงพอ และในปีคศ 2000 รัฐสภาของสหรัฐก็ได้ยกเลิกกฎหมายที่ให้เขียนคำเตือนบนฉลากว่าขัณฑสกรอาจเป็นสารก่อมะเร็งออกไป

ขัณฑสกร พ้นผิดมานานแล้วแต่ยังไม่วายโดนประนามอยู่ดี ทุกวันนี้ในประเทศไทย เกร็ดความรู้ต่างๆ หนังสือพิมพ์ แม้กระทั่งข้อมูลเผยแพร่ของทางอย.เองก็ยังบอกว่าขัณฑสกรเป็นสารอันตรายก่อมะเร็งอยู่ ให้หลีกเลี่ยง ประมาณว่าอย่ากินผลไม้ดองจากรถเข็นเพราะอาจใช้ขัณทศกรถึงตายได้ ที่ตลกก็คือ อย.ไทยอนุญาตให้ใช้ขัณฑสกรกับเครื่องดื่มไดเอทได้ แต่กลับห้ามให้ใช้ในอาหารประเภทอี่นๆ หรือคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่ง ที่ใช้ข้อมูลที่แคนาดาแบนขัณฑสกรเพื่อสรุปว่าขัณฑสกรไม่ดีจริงๆ ดั่งคนตาบอดตามคนตาบอดยังไงยังงั้น

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องแรกหรือเรื่องเดียวที่การศึกษารายวันกล่าวหาสิ่งต่างๆว่าไม่ดีทั้งที่ยังยากที่จะสรุปแล้วเราเชื่อเป็นตุเป็นตะ แต่สิ่งที่น่าเศร้ามากที่สุดคือการที่เราบอกว่า ชั่วจริงหรือเปล่าไม่สำคัญ กันไว้ดีกว่าแก้ดีกว่า ซึ่งมันก็ดีกว่าจริงๆนะแหละจนเราเป็นผู้ถูกกล่าวหาเสียเอง

หมายเหตุ เนื่องจากนี่เป็นบล็อก ข้อมูลต่างๆจึงอ้างอิงจากแหล่งสะดวกต่างๆ โดยเฉพาะแหล่งทางอินเตอร์เน็ท ผู้เขียนเองพยายามใช้วิจารณญาณและประสบการณ์กรองข้อมูลอย่างสุดความสามารถ แต่ก็อาจมีความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ อย่างไรก็ตามการเผยแพร่ข้อมูลดิบนั้นไม่ใช่จุดประสงค์หลักของบล็อกนี้แต่อย่างใด ผู้เขียนหวังว่าบล็อกนี้จะช่วยให้ผู้อ่านทบทวนความรู้เดิมๆด้วยมุมมองใหม่ๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น